นักเตะคนไหนได้-เสียประโยชน์จากการมาของ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค
- mynxwinter22
- Sep 15, 2020
- 2 min read
การมาของ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ช่วยทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นในแผงมิดฟิลด์
และเพิ่มมิติในการเล่นให้กับทัพ "ปีศาจแดง" เมื่อนักเตะจะได้ประสานงานร่วมกับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ ปอล ป็อกบา ในการรังสรรค์เกมรูกให้กับทีม ดาวเตะวัย 23 ปีย้ายจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อช่วงสัปดาห์นี้ หลังจากที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จับตา ฟาน เดอ เบ็ค มานานเกือบ 2 ปี จนในที่สุดก็สามารถจับเจ้าตัวเซ็นสัญญากับทีมได้ด้วยสนนราคาเพียงแค่ 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,520 ล้านบาท) เท่านั้น
อย่างไรก็ตามการมาของ ฟาน เดอ เบ็ค ย่อมส่งผลกระทบทั้งดีและร้ายกับผู้เล่นที่อยู่ทีม โดยผู้เล่นบางคนจะได้ประโยชน์อย่างมากกับสไตล์การเล่นของ ดาวเตะเลือดดัตช์ ในขณะที่นักเตะบางรายอาจจะต้องพบกับฝันร้าย และถึงกับต้องหมดอนาคตใน "โรงละครแห่งความฝัน" เลยทีเดียว ปอล ป็อกบา - ได้ประโยชน์ จะว่าไปแล้วหลายๆ แมตช์ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ ปอล ป็อกบา โดยในช่วงต้นฤดูกาล มีหลายเหตุผลสำคัญที่ "ปีศาจแดง" แพ้เป็นเพราะดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ซึ่งไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ แถมยังต้องกลายเป็นแพะรับบาปเมื่อทัพ "ผีแดง" ทำผลงานได้ย่ำแย่ การที่ ป็อกบา จะงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เขาต้องมีคู่หูที่มีฝีเท้าระดับพระกาฬเช่นเดียวกัน ซึ่งนักเตะคนนั้นต้องแบกรับความรับผิดชอบ และมีฝีเท้าที่สามารถสนับสนุนการเล่นของเขาได้ นั่นจะทำให้ มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส ไม่ต้องแบกรับหน้าที่ในฐานะกองกลางตัวคุมจังหวะ หรือ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ และเพลย์เมกเกอร์ ตลอดเวลา สำหรับการมาของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำให้ทีมมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ ป็อกบา ซึ่งกลับมาเรียกความฟิตได้ทันในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น สำหรับการทำงานร่วมกันกับ ดาวเตะชาวโปรตุกีส ทำให้ ป็อกบา เรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้อีกครั้ง ในขณะเดียวกันการที่ "ผีแดง" ได้ตัว ฟาน เดอ เบ็ค ซึ่งเป็นนักเตะที่มีเทคนิคชั้นยอดและมีไหวพริบในการเล่นฟุตบอลที่ดีเยี่ยม จะยิ่งทำให้พื้นที่ในแดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะทำให้ ป็อกบา โชว์ศักยภาพที่แท้จริงของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ เจสซี่ ลินการ์ด - เสียประโยชน์ joy-hc.com หากย้อนไปในช่วง 3-4 ปีก่อนหน้านี้ แฟนบอลคงเห็นด้วยที่จะยกย่อง เจสซี่ ลินการ์ด ในฐานะหนึ่งในนักเตะตัวรุกที่เก่งที่สุดของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะลีลาการกระชากลากเลื้อย และความรวดเร็วของเขาสามารถปั่นป่วนเกมรับคู่แข่งได้อย่างดีเยี่ยม ลินการ์ด มีสายตาเฉียบคมในการจ่ายบอลทะลุช่อง, สามารถสร้างสรรค์การเล่นบริเวณริมเส้นได้อย่างยอดเยี่ยม, วิ่งหลุดกับดักล้ำหน้าได้ดี, กระชากบอลเข้าไปในพื้นที่ที่กองหลังไม่สามารถรับมือได้ และยังมีศักยภาพในการจบสกอร์ที่เฉียบคมด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นแทบไม่มีเหลืออยู่ใน ลินการ์ด ยุคปัจจุบันเลย เพราะตลอดช่วง 18 เดือนที่ผ่านมานักเตะไม่ได้อยู่ในฟอร์มเก่งอีกต่อไปแล้ว และแทบจะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาลที่ผ่านมา ที่สำคัญการมาของ ฟาน เดอ เบ็ค ยิ่งทำให้ ลินการ์ด ต้องพบกับแรงกดดันมหาศาล เนื่องจาก สตาร์ชาวดัตช์ เป็นนักเตะที่สามารถเล่นได้หลากหลายในแผงมิดฟิลด์ พร้อมทั้งเต็มไปด้วยการเล่นที่ฉลาดหลักแหลม, อ่านเกมได้เด็ดขาด และยังมีเทคนิคแพรวพราวเพื่อช่วงครองเกมให้กับทีม
ฟานเดอเบ็คมาใครจะได้-เสีย
มาร์คัส แรชฟอร์ด - ได้ประโยชน์ การย้ายมาของผู้เล่นตำแหน่งกองกลางอย่าง ฟาน เดอ เบ็ค ย่อมส่งผลดีมากกว่าการที่ เจดอน ซานโช่ เป้าหมายอันดับ 1 ของทีม เพราะนั่นหมายความว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด จะยังคงเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแนวรุกริมเส้นของทัพ "ปีศาจแดง" เหมือนเดิม ที่สำคัญการได้ กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ มาเสริมแกร่ง ยิ่งช่วยทำให้ โซลชา สามารถวางหมากในแต่ละเกมได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากเขาอยากจะเลือกแผนการเล่นที่ใช้กองกลางแบบไดมอนด์ นอกจากนี้ แรชฟอร์ด ยังสามารถปรับเปลี่ยนไปเล่นเป็นหน้าเป้าแทน อองโตนี่ มาร์กซิยาล ก็ได้
จะว่าไปแล้วระบบการเล่นของ โซลชา ก่อนหน้านี้ช่วยดึงศักยภาพของ แรชฟอร์ด ออกมาได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญการได้ ฟาน เดอ เบ็ค มาช่วยสร้างสรรค์เกม ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ได้ระเบิดฟอร์มเก่งออกมามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม งานนี้ แรชฟอร์ด สามารถที่จะยืนหาพื้นที่ว่างในแนวรับคู่แข่งได้มากขึ้น และมีโอกาสที่จะจบสกอร์สวยๆ ให้ทีมได้เป็นกอบเป็นกำยิ่งกว่าซีซั่นที่ผ่านมา สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ - เสียประโยชน์ เมื่อฤดูกาล 2018/2019 สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้เล่นแห่งอนาคตของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้พัฒนาการของนักเตะหยุดไปบ้าง และส่งผลให้เจ้าตัวต้องหลุดตำแหน่งไปโดยปริยาย การได้รับบาดเจ็บในฤดูกาล 2019-20 ทำให้พัฒนาการของเขาหยุดชะงัก และเขาก็กลายเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ ในตำแหน่งกองกลางท่ามกลางความกังขาว่าเขาเป็นกองกลางแบบไหนกันแน่ ระหว่างคนที่คอยยืนช่วยหน้าแนวรับ หรือคนที่ออกแนวเคลื่อนที่ไปมาแบบสไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ แม้ว่า แม็คโทมิเนย์ จะหายเจ็บกลับมาในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นก็ตาม แต่เขาไม่สามารถสอดแทรกตำแหน่งตัวจริงได้ เพราะ เนมานย่า มาติช กับ เฟร็ด ทำผลงานได้ดีในช่วงเวลาดังกล่าว เช่นเดียวกับ ป็อกบา และ แฟร์นันด์ส ที่เล่นกันได้อย่างเข้าขาในเกมรุก ด้วยเหตุนี้ทำให้ กองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้นไปอีกเมื่อ ฟาน เดอ เบ็ค ย้ายมาร่วมทีม อย่างไรก็ตามด้วยอายุเพียงแค่ 23 ปีเจ้าตัวยังพอมีเวลาที่จะพิสูจน์ศักยภาพของตัวเอง แต่สำหรับตอนนี้เชาอาจจะต้องทำใจกับโอกาสที่จะได้ลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีก คงไม่ได้เยอะเหมือนเดิมอีกแล้ว แดเนี่ยล เจมส์ - เสียประโยชน์ เจมส์ เป็นนักเตะที่สร้างความเซอร์ไพรส์อย่างมากหลังย้ายมาจาก สวอนซี ซิตี้ โดยเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในช่วงต้นฤดูกาล 2019/2020 แต่หลังจากนั้นผลงานก็ค่อยๆ ดร็อปลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายต้องกลายสภาพเป็นยางอะไหล่อยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง ดาวเตะชาวเวลส์ ต้องสูญเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ เมสัน กรีนวู้ด ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดนับตั้งแต่ที่ โซลชา ดันขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ จากนั้น "ไม้เขียว" ก็ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องในขณะที่ เจมส์ ต้องสั่งหงอยเฝ้ารอคอยโอกาสต่อไป การที่ แรชฟอร์ด และ กรีนวู้ด ทำผลงานได้ดีนั่นหมายความว่าตำแหน่งแนวรุกริมเส้นไม่มีพื้นที่ว่างให้กับ เจมส์ อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นการที่ "เร้ด เดวิลส์" ได้ตัว ฟาน เดอ เบ็ค เข้ามาร่วมทัพ ยิ่งทำให้อนาคตของ ปีกดาวรุ่งทีมชาติเวลส์ ต้องมืดมนลงไปเรื่อยๆ
โดยเฉพาะการที่ โซลชา มักจะใช้แผนการเล่นในระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 นั่นหมายควาว่าแดนกลางจะประกอบไปด้วย 3 มิดฟิลด์จอมสร้างสรรค์เกมได้แก่ แฟร์นันด์ส, ป็อกบา และ ฟาน เดอ เบ็ค ส่วนแนวรุก "น้าลูกอม" มีสามประสานในดวงใจ มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด และ กรีนวู้ด ฉะนั้นสิ่งที่ เจมส์ ต้องทำก็คือ "ทำใจ" ยอมรับการเป็นตัวสำรองอดทน
Comments