บาร์ซ่าอยากได้-หงส์ไม่อยากเสีย!เจาะผลงานเด่น ไวจ์นัลดุม เกมยุโรปซีซั่นล่าสุด

หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจของ ลิเวอร์พูล

ในช่วงที่ผ่านมานอกเหนือจากข่าวลือกับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ที่ออกมาไม่หยุดแล้วนั้น อนาคตของ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ก็ถูกพูดถึงอย่างหนักเช่นกัน หลังจากที่เขาเหลือสัญญากับทีมไม่ถึง 1 ปีเต็ม แต่ยังไม่มีการต่อสัญญากันเลย ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่า บาร์เซโลน่า วางแผนที่จะดึงเขาไปร่วมทัพ เพราะ โรนัลด์ คูมัน อยากร่วมงานกับแข้งรายนี้อีกครั้ง

ทั้งนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล มองว่า ไวจ์นัลดุม เป็นคนที่มีความสำคัญกับทีมอย่างมากคนหนึ่งจนถึงขั้นลงมาคุยกับดาวเตะชาวดัตช์ด้วยตัวเองเลย ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้ทั้ง 2 ทีมเปิดศึกเรื่อง ไวจ์นัลดุม อาจจะเป็นเพราะเขาพัฒนาตัวเองได้ดี โดยเฉพาะในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ฤดูกาลก่อนเขาทำผลงานได้ดีกว่าซีซั่น 2018-19 แม้ว่าซีซั่นที่แล้ว ลิเวอร์พูล จะไปถึงเพียงรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ตาม ซึ่งเรามีตัวเลขเกี่ยวกับเรื่องนั้นมาให้ได้ดูกัน การสกัด ด้วยความที่ ไวจ์นัลดุม เป็นมิดฟิลด์ตัวกลางที่ต้องทำหน้าที่ทั้งเกมรับในระดับหนึ่ง ทำให้เขาต้องดวลกับแนวรุกชั้นยอดหลายรายในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้น่าประทับใจในระดับหนึ่ง โดยในฤดูกาล 2018-19 เขาโดนเลี้ยงบอลผ่านเพียง 0.4 ครั้งต่อเกมเท่านั้น ขณะที่ฤดูกาลก่อน ไวจ์นัลดุม ก็ทำผลงานในด้านนี้ได้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกเมื่อโดนเลี้ยงผ่านไปเพียง 0.3 ครั้งต่อเกม นอกจากนี้ ฤดูกาลก่อน ไวจ์นัลดุม ยังพัฒนาการตัดบอลโดยที่ไม่ต้องพุ่งเสียบได้ด้วย เพราะหลังจากทำได้เพียง 0.2 นัดกับการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ในซีซั่น 2018-19 แต่พอถึงฤดูกาล 2019-20 เขาสามารถทำได้ 0.6 ครั้งต่อเกมด้วยกัน โดยในฤดูกาล 2019-20 เขายังกดดันคู่แข่งจนทำให้อีกฝ่ายเสียบอลได้ถึง 45 เปอร์เซ็นต์ด้วย สูงกว่า 1 ซีซั่นก่อนหน้านั้นที่ทำได้เพียง 21.2 เปอร์เซ็นต์แบบคนละโลก

"ไวจ์นัลดุม" เจ๋งแค่ไหน?

การเสียฟาวล์ นอกจากนี้ ไวจ์นัลดุม ก็ยังมีวินัยในการเล่นเกมรับที่ดีขึ้นด้วย เพราะหลังจากเสียฟาวล์ไปถึง 7 หนในการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2018-19 เขาก็สามารถลดตัวเลขด้านนี้เหลือเพียง 2 ครั้งได้ในซีซั่นก่อน และทำให้ฤดูกาลที่แล้วเขาไม่โดนใบเหลืองเลย ต่างกับซีซั่น 2018-19 ที่โดนไป 1 ใบ

ลูกกลางอากาศ

ในฤดูกาล 2018-19 ไวจ์นัลดุม ชนะในการดวลลูกกลางอากาศเพียง 33.3 เปอร์เซ็นต์ แต่พอถึงฤดูกาล 2019-20 เขาก็ทำผลงานในด้านนี้ได้ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาจนมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 64.7 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว การผ่านบอล ในขณะที่ฤดูกาล 2018-19 ไวจ์นัลดุม ผ่านบอลระยะไกลเข้าเป้าได้ 1 ครั้งต่อเกม จากการผ่านบอลระยะไกลทั้งหมดนัดละ 1.8 ครั้ง พอถึงฤดูกาล 2019-20 เขาก็ยกระดับในด้านนี้ด้วยการผ่า บอลระยะไกลเข้าเป้าเพิ่มเป็น 1.6 ครั้งต่อเกม จากการผ่านบอลระยะไกลทั้งหมดนัดละ 2 หน หรือก็คือซีซั่นที่แล้วเขาจ่ายระยะไกลพลาดไปเพียง 0.4 ครั้งต่อนัดเท่านั้น devepatton.com เรื่องดังกล่าวทำให้ ไวจ์นัลดุม มีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลโดยรวมใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ดีมากๆ ด้วย โดยที่จริงในฤดูกาล 2018-19 เขาก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งอยู่แล้วจากการผ่านบอลเข้าเป้า 85.4 เปอร์เซ็นต์ แต่พอถึงซีซั่น 2019-20 เขาก็มีผลงานด้านนี้เพิ่มขึ้นเป็น 91.8 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน

นอกจากนี้ ไวจ์นัลดุม ยังมีผลงานด้านการสร้างจังหวะทำประตูให้กับทีมได้ดีด้วย เพราะในฤดูกาล 2018-19 เขามีตัวเลขด้านนี้กับการเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก 1.67 ครั้งต่อนัด และพอถึงฤดูกาล 2019-20 เขาก็มีค่าเฉลี่ยสร้างโอกาสทำประตูให้กับทีมได้ถึง 1.96 ครั้งต่อเกม ทั้งที่จริงๆ แล้วเจ้าตัวไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรุกตามธรรมชาติ