ปารีสเล็งดึงเอ็นดีดี้จากเลสเตอร์เสริมมิดฟิลด์
- mynxwinter22
- May 2, 2020
- 1 min read
Updated: May 30, 2020
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรดังของฝรั่งเศสเล็งคว้าตัว วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ กองกลางของ เลสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีม
แข้งวัย 23 ปีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ "สุนัขจิ้งจอก" ในฤดูกาลนี้ ช่วยให้ทีมรั้งอยู่ในอันดับหัวตารางอย่างเหนียวแน่นก่อนที่เกมจะหยุดการแข่งขันจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีเอสพีเอ็น สื่อเจ้าดังเผยว่า เปแอสเช หวังที่จะได้กองกลางทีมชาติไนจีเรียมาร่วมทีม แม้ว่าก่อนหน้านี้ทีมจะเพิ่งคว้า เลอันโดร ปาเรเดส มาจาก เซนิต เมื่อเดือนมกราคมปี 2019 รวมถึง อิดริสซ่า กานา เกย์ จาก เอฟเวอร์ตัน เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เอ็นดีดี้ ย้ายจาก เกงค์ มาอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์เมื่อปี 2017 เพื่อมาแทนที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ โดยปัจจุบันคาดว่าค่าตัวจะอยู่ที่ราว 45-50 ล้านปอนด์
วิลเฟรด เอ็นดิดี้ แชมป์แท็กเกิ้ลประจำพรีเมียร์ลีก 2 ฤดูกาลติดต่อกัน
วิลเฟรด เอ็นดิดี้ ย้ายร่วมเลสเตอร์ ซิตี้จากสโมสรเคอาร์ซี เกงค์ ทีมในลีกเบลเยี่ยมเมื่อเดือนมกราคม 2017 เขาทำแท็คเกิ้บรวม 68 ครั้งในการลงเล่นทั้งหมด 17 นัด
เพียง 5 เดือนแรกในการย้ายมาเล่นที่อังกฤษเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่สำคัญ เขาย้ายร่วมทีมเมื่อวันที่ 3 มกราคมและเพียง 4 วันถัดมาเขาลงเล่นเคียงข้างกับเพื่อนร่วมทีมทีมชาติไนจีเรียอย่าง อาเหม็ด มูซ่า ในการแข่งขันพบกับ เอฟเวอร์ตัน ที่สนามกูดิสัน พาร์ค มูซ่า เป็นคนทำประตูพาทีมผ่านเข้ารอบต่อไปในการแข่งขันเอฟเอ คัพ และเขาลงเล่นพร้อมกับเอ็นดิดิ้ 90 นาทีเต็ม thegreekplace.net ด้วยความฟิตของเขาก่อนย้ายจากทีมเกงค์ ก่อนย้ายมาที่เลสเตอร์ เขาลงเล่นนัดล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม และพาทีมคว้าชัยเหนือ เกนท์ 2-0 เขาได้ลงเล่นสม่ำเสมอและทำประตูแรกให้กับทีมในการแข่งขันกับทีมคู่ปรับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ และพาทีมคว้าชัย 3-1 จนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ผู้จัดการทีมไว้ใจในฝีเท้าของเขาจนส่งเขาลงเล่นในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายพลกับ เอฟซี เซบีย่า เมื่อเขาอายุได้เพียง 20 ปีเท่านั้น
ภายใต้การคุมทีมของเคร็ก เช็คสเปียร์ เอ็นดิดี้ ยังเป็นผู้เล่นหลักของทีมและมีบทบาทสำคัญในการพาทีมคว้าชัย รวมถึงการแข่งขันพบกับเซบีย่า นัดที่สอง รอบก่อนร่องชนะเลิศที่เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าชัยด้วยสกอร์ 2-0 และเป็นรอบลึกที่สุดที่สโมสรได้ร่วมแข่งขันในประวัติศาสตร์สโมสร เขาทำได้อีก 2 ประตู หนึ่งในนั้นคือประตูจากการแข่งขันกับสโต๊ค ซิตี้ และเมื่อรวมการแข่งขันที่ลงเล่นให้ทีมเกงค์ ฤดูกาล 2016/17 เขาลงเล่นรวม 48 นัด ฤดูกาลถัดมาที่เขาเล่นให้กับพรีเมียร์ลีกเต็มฤดูกาล เขาลงเล่นรวม 33 นัด และทำแท็คเกิ้ลไป 138 ครั้งนับเป็นอันดับหนึ่งในลีกรองมาด้วยการทำแท็คเกิ้ลน้อยกว่าถึง 21 ครั้งโดย อิดริสซ่า เกย์ จากเอฟเวอร์ตัน ซึ่งตอนนี้เล่นให้กับสโมสร ปารีส แซ็ง แฌร์แม็ง และอันดับที่ 3 นักเตะที่ทำแท็กเกิ้ลน้อยกว่า เกย์ คือ อดีตนักเตะจากเลสเตอร์ ซิตี้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ฤดูกาล 2017/18 เป็นฤดูกาลที่สำคัญของเอ็นดินี่ ที่ไม่เพียงแต่ทำสถิติไว้สูงถึงการเคลียร์บอล (95 ครั้ง) กระโดดโหม่งแย่งลูกชนะ (117 ครั้ง) และแย่งบอลคืน (296 ครั้ง) เขายังได้ลงเล่นให้กับทีมชาติไนจีเรียในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียอีกด้วย
ผลงานของเขาที่ทำให้กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้เขาติดทีมชาติไนจีเรีย เขาลงเล่นให้กับ "อินทรีมรกต" ในการแข่งขันกับโครเอเชีย, ไอซ์แลนด์ และ อาร์เจนติน่า ที่สนาม สนามคาลินินการ์ด ไนจีเรียพ่ายให้กับ รองแชมป์อย่างโครเอเชีย โดย ปีเตอร์ เอเตโบทำเข้าประตูตัวเอง ตามมาด้วยลูกโทษจาก ลูก้า โมดริช แต่พวกเขายังมีความหวังหลังคว้า 3 แต้มในรอบสองของกรุ๊ปเสตจแม้การแข่งขันฟุตบอลโลกจะเสร็จสิ้นลงไปแล้วแต่ เขาได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งเป็นการต่อยอดฝีเท้าในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก 2018/19 มิดฟิลด์ชาวเมืองลากอส เป็นดาวเด่นของทีมในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกซึ่งทำแท็กเกิ้ลรวม 143 ครั้ง มากกว่า เกย์ 1 ครั้งและ มากกว่า อารอน วาน-บิสซาก้า 14 ครั้ง ริคาร์โด้ เปเรยร่า เพื่อนร่วมทีม แย่งบอลได้ถึง 118 ครั้งและทำแท็คเกิ้ลได้เป็นอันดับที่ 4 ของลีก
เอ็นดิดี้ ร่วมทีมชาติอีกครั้งในปี 2019 เขาลงเล่น ทุกนัดในการแข่งขันแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ซึ่งสามารถพาทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศผู้เล่นหมายเลข 25 ของเลสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นให้กับสองทีมในระดับลีกสูงสุดและติดทีมชาติลงเล่นในการแข่งขันฟุตบอลโลกและแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ด้วยวัยเพียง 22 ปีเท่านั้น ฟอร์มเขายังคงร้อนแรงในฤดูกาลนี้ เราอยู่อันดับที่ 3 ในการทำแท็คเกิ้ลของลีกโดยทำไป 91 ครั้งจากการลงเล่น 29 นัด เขาทำแท็คเกิ้ลน้อยว่า อารอน วาน-บิสซาก้า จากแมนฯ ยูไนเต็ด เพียง 8 ครั้ง และ อันดับหนึ่งเป็นของเพื่อนร่วมทีมอย่างริคาร์โด้ เปเรยร่า โดยทำไป 119เขาทำสถิติได้สูงสุดตั้งแต่ย้ายมาที่เลสเตอร์ ซิตี้ และภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เขาจะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
"เขาทำให้ผมได้มองในมุมที่กว้างออกไปและมองว่าบอลจะไปไหนได้บ้างซึ่งนั่นทำให้ผมเก่งขึ้นไปอีก" เอ็นดิดี้ กล่าวถึง ร็อดเจอร์ส ในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร LCFC Q ฉบับที่ 11 "แต่ผมจะยังเก่งได้กว่านี้-ผมบอกได้เพียงเท่านี้"
Comments