top of page
Search

ร่ายยาว!เอวร่ารับไม่ได้จัดหนักถึงแมนยู

  • mynxwinter22
  • Oct 15, 2020
  • 2 min read

ปาทริซ เอวร่า ทนกับสภาพที่ย่ำแย่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ไหวจนออกมาพูดแบบยาวเหยียด


โดยส่วนหนึ่งเขาบอกว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด ผู้บริหารระดับสูงของทีมเชื่อใจคนผิดๆ มากเกินไป แถมบอกด้วยว่าทุกวันนี้ "ปีศาจแดง" ทำพลาดที่ส่งพวกทนายไปเจรจากับนักเตะที่เป็นเป้าหมายการเสริมทัพ ทั้งที่ควรจะส่งคนที่รักสโมสรจากใจจริงไปเจรจา ปาทริซ เอวร่า อดีตยอดแบ็กซ้ายของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตำหนิบอร์ดบริหารหลายคนของสโมสร หลังจากที่ "ปีศาจแดง" กำลังทำผลงานได้น่าผิดหวังทั้งเรื่องในและนอกสนาม


ทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีผลงานในสนามที่ไม่คงเส้นคงวามาพักหนึ่งแล้ว โดยฤดูกาลนี้พวกเขาก็เปิดหัวด้วยการแพ้ คริสตัล พาเลซ 1-3 คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ส่วนเรื่องนอกสนามที่ แมนฯ ยูไนเต็ด โดนตำหนิมากเป็นพิเศษคือการเสริมทัพ หลังจากในช่วงซัมเมอร์นี้พวกเขาเพิ่งได้เพียง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มาร่วมทัพแค่คนเดียวเท่านั้น เอวร่า เผยว่า "สวัสดีแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกคน ตอนนี้ตี 2 แล้ว แต่ผมหลับไม่ลง เพราะผมเศร้า, อ่อนล้า, รู้สึกแย่ หรืออะไรก็ตามแล้วแต่คุณจะเรียก ที่จริงวันนี้เป็นวันจันทร์ ผมตั้งใจจะทำให้คุณหัวเราะตามปกติ (เอวร่า ชอบโพสต์คลิปตลกๆ ตอนวันจันทร์) แต่ผมต้องขอโทษกับแฟนๆ ที่ตั้งตารอดูคลิปตลกๆ ในวันจันทร์ของผมด้วย แต่ผมทำวิดีโอแบบนั้นไม่ได้ถ้าตัวเองไม่ได้มีความสุข ผมไม่ใช่พวกที่ชอบเสแสร้ง ดังนั้นเมื่อทีมของผมมันมีสภาพย่ำแย่มากๆ ผมก็เลยจำเป็นต้องระบายออกมา" หลังจากนั้น เอวร่า ก็ดื่มน้ำด้วยแก้วลาย แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมกับบอกว่า "ใช่ นั่น (การดื่มน้ำจากแก้ว แมนฯ ยูไนเต็ด) คือความรู้สึกดีเพียงอย่างเดียวที่ผมได้จากทีมของผม นั่นคือการได้ดื่มชาเขียวจากแก้วลาย แมนฯ ยูไนเต็ด ของผม ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี เอาเป็นว่าเริ่มจากเรื่องการเสริมทัพก่อนแล้วกัน ในทุกๆ ปีผมเจอแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา เหมือนที่ผมเคยบอกไปว่าเราทำให้เกิดการพูดถึงอย่างมากบนโซเชียลมีเดีย แต่ความจริงมันกลับ...(สื่อว่าความจริงกลับแตกต่างจากสิ่งที่เกิดในโซเชียลมีเดีย)" "ทุกๆ เป้าหมายที่เราตกเป็นข่าว อย่างเช่นพวกเป้าหมายหลักน่ะนะ คือต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้ขอให้ทีมซื้อนักเตะทุกคนให้ได้ เพราะแฟนๆ ต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ใช่ว่าพอคุณซื้อนักเตะ 5, 6 หรือ 10 คนแล้วทีมจะดีขึ้นได้ แต่อย่างน้อยคุณต้องคว้าเป้าหมายตัวหลักมาร่วมทีมให้ได้ และทุกวันนี้เราก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นอีกแล้ว" "ในยุคของ เฟอร์กี้ ในยุคของ เดวิด กิลล์ (อดีตประธานบริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด) น่ะ เราไม่ได้ยินข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มากมายอะไรเลย แต่แล้วก็ บู้ม, บู้ม, บู้ม เราได้นักเตะอย่าง ฟาน เพอร์ซี่, เอฟร่า, วิดิช, เฟอร์ดินานด์ บู้ม ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างรวดเร็ว สมัยก่อนเวลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยากได้ใครก็ตามพวกเขาก็แค่เดินหน้าอย่างเต็มที่ พวกเขาจะไปคุยกับอีกฝ่ายแบบซึ่งๆ หน้า" "ตอนที่ เฟอร์กูสัน กับ เดวิด กิลล์ มาคุยกับผมที่ โมนาโก น่ะ ผมบอกเลยว่ามันแย่กว่าการโดนซีไอเอหรือเอฟบีไอสอบปากคำซะอีก แต่ตอนนี้บรรดาผู้บริหารระดับสูงของสโมสรชั้นนำโทรศัพท์หาผมไม่หยุด พวกเขาบอกว่า -ปาทริซ นายช่วยบอกให้ แม็ตต์ จัดจ์ (หัวหน้าฝ่ายเจรจาการเสริมทัพของ แมนฯ ยูไนเต็ด) ให้รับโทรศัพท์ทีได้ไหม ?- ใช่ ทุกคนต้องรู้ก่อนว่าทุกวันนี้เรา (แมนฯ ยูไนเต็ด) ส่งทนายไปคุยกับนักเตะ ซึ่งพวกเขาน่ะเอาแต่คุยเรื่องตัวเลขเป็นหลัก เราไม่ได้ส่งคนจากวงการฟุตบอลไปคุยกับนักเตะจริงๆ ดังนั้นเมื่อเราต้องการใครก็ตามมันก็กลายเป็นว่าเราต้องจ่ายเงินถึง 100 ล้านปอนด์เพื่อให้ได้เขามาร่วมทีมทั้งที่จริงๆ แล้วเขามีค่าตัวในระดับแค่ 20 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่ทุกวันนี้แม้กระทั่งนักเตะแบบนั้นก็ไม่อยากได้เงินจากเราอีกต่อไปแล้ว" "ตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดคือ อเล็กซิส ซานเชซ ทีมแรกที่เขาขอเงินก้อนโตคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ขนาด กวาร์ดิโอล่า ยังบอกเลยว่า -ฉันให้เงินนายมากขนาดนั้นไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้นทีมจะแตก- แต่โชคดีสำหรับ อเล็กซิส ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงท่าทีประมาณว่า -มาเลยน้อง ที่นี่เรามีเงินก้อนโตให้นาย- แต่ขนาดทำแบบนั้นไปแล้วเขายังบอกเลยว่าหลังจากอยู่กับทีมได้เพียง 1 วันเขาก็ถามเอเยนต์ไปว่าสามารถยกเลิกสัญญาได้รึเปล่า ขนาดเขายังบอกเลยว่าเขาไม่อยากได้เงินของคุณ" "มันเป็นการดูหมื่นต่อสโมสรของเรา ต่อความยิ่งใหญ่ที่เราสร้างขึ้นมา เพราะก่อนหน้ายุคของเรามันก็มีนักเตะอย่าง บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, จอร์จ เบสต์ และทุกคนที่สร้างประวัติศาสตร์ของสโมสรขึ้นมา นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราพยายามให้ความเคารพต่อมัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งทีมยุค 99 หรือทีมยุคเราในปี 2008 แต่ตอนนี้มีบางคนที่อยากทำลายความยิ่งใหญ่เหล่านั้นเพื่ออะไรกัน ? เพื่อเรื่องธุรกิจเนี่ยนะ ? ไม่เอาน่าพวก เรามีดีกว่านั้น" bigpawblog.com "มันเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่า -อย่าพูดชื่อออกมานะว่าใคร (ที่เป็นคนทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีสภาพย่ำแย่) - แต่ผมไม่สนใจหรอก ผมเสียสละตัวเองเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จกับสโมสรแห่งนี้ และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมอยากให้นักเตะ, สตาฟฟ์ รวมถึงคนในบอร์ดบริหารทำอย่างนั้นเหมือนกัน ผมรู้ดีว่ามีหลายคนที่ไม่กล้าออกมาพูดเพราะพวกเขากลัวว่าสักวันหนึ่งพวกเขาอาจจะต้องตกงาน หรือไม่ได้รับงานกับที่นั่น แต่ผมไม่แคร์ ผมไม่ต้องการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ผมรักสโมสรแห่งนี้ ผมทุ่มเทหลายอย่างเพื่อสโมสรแห่งนี้ บางทีสักวันหนึ่งผมอาจจะได้ทำงานกับสโมสรแห่งนี้ก็ได้ แต่ผมจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ผมจะไม่มีวันโกหกคนที่รักสโมสรแห่งนี้ เพราะผมคิดว่าบางคนที่ทำงานให้กับสโมสรแห่งนี้กำลังทำให้สโมสรมีสภาพย่ำแย่ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำไมเราถึงต้องพูดความจริงกับแฟนๆ" "คุณรู้ไหม ก่อนหน้านี้ถึงแม้มันจะมีการพูดเรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับสโมสรหลายเรื่อง แต่มันก็มาจากคนนอกสโมสร มันไม่ได้มาจากคนภายในเลย แต่ทุกวันนี้แฟนๆ ออกมาพูดเรื่องแย่ๆ บนโซเชียลมีเดียกันแล้ว และในกรณีของบรรดาอดีตนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่ะนะ เพียงเพราะว่าบางครั้งพวกเขาพูดความจริงมันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทำให้สโมสรมีภาพลักษณ์แย่กว่าเดิม เปล่าเลย พวกเขาแค่พูดความจริงเท่านั้น และตอนนี้ผมก็เข้าใจความรู้สึกของพวกเขา" "บางคนบอกว่าผมด่านักเตะเพราะสนุก แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ยกตัวอย่างเช่นถ้าผมมีปัญหากับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด แล้วล่ะก็ ผมก็ไม่มานั่งพูดบนโซเชียลมีเดียหรอก ป่านนี้ผมก็แค่ส่งข้อความไปหาเขาหรือไปเจอกับเขาตัวต่อตัวแล้วบอกความคิดของผมไปแล้ว เราโทษเขากันเยอะมากๆ แต่ปัญหาเดียวของ เอ็ด ที่ผมจะบอกกับเขาได้ก็คือเขาเชื่อใจคนที่ไม่ควรจะเชื่อใจมากเกินไป เขาถึงขนาดเชื่อใจพวกคนภายนอกสโมสรด้วยซ้ำ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมพอจะบอกได้ว่ามันเป็นปัญหาของ เอ็ด" "และสำหรับบางคนที่ เอ่อ ขอบคุณที่มาอยู่ที่นี่เพราะทำให้เรามีเงินเยอะ อย่างเช่น ริชาร์ด อาร์โนลด์ (ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ แมนฯ ยูไนเต็ด) น่ะนะ คือจริงอยู่ว่าคนพวกนี้ทำสัญญาด้านสปอนเซอร์ที่จะให้เงินก้อนโตกับคุณได้ และเราก็ได้เงินเข้าสโมสรเยอะมากๆ แต่เรากลับไม่ได้นักเตะที่ดีจริงๆ มาร่วมทีมเลย เพราะเราส่งคนที่ไม่เหมาะสมไปคุยกับนักเตะเหล่านั้น และเราก็เพิ่งมาเปลี่ยนแนวทางกันเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้เราพยายามที่จะทาบทามนักเตะมาร่วมทัพและพยายามคุยกับพวกเขาในแบบเดียวกับที่ เฟอร์กูสัน เคยทำ"


bigpawblog.com

ทนไม่ไหวทีมรักย่ำแย่!

"ผมจะยกตัวอย่างที่ชัดเจนเลยก็แล้วกัน นั่นคือ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานของ เรอัล มาดริด คือตอนที่เขาเซ็นสัญญากับ เบนเซม่า, วาราน, โอซิล น่ะ เขาบินไปหานักเตะที่เขาต้องการทันที ผมจำได้เลยว่า คาริม เคยบอกกับผมว่าพวกเขาลงทุนไปถึงบ้านของเขาเพื่อพบกับแม่ของเขา และพอ วาราน กับ โอซิล ได้เห็น ซีเนดีน ซีดาน ลงมาจากเครื่องบินแล้วนั้น พวกเขาก็พูดทันทีว่า -สัญญาอยู่ไหนกันล่ะ ?- และพวกเขาก็เซ็นสัญญากันทันที พวกเขาได้นักเตะแบบนั้นก็เพราะพวกเขาส่งคนที่รู้จักสโมสรอย่างแท้จริง, คนที่รักสโมสรอย่างแท้จริง, คนที่รู้ว่าต้องพูดเกี่ยวกับสโมสรยังไงไปหานักเตะที่เป็นเป้าหมาย ไม่ได้ส่งทนายที่รู้แค่เรื่องการเงินไปคุยกับนักเตะ"


"สำหรับตัวผมเองนั้น ถ้าผมทำงานให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วล่ะก็ เชื่อผมเถอะว่าสิ่งแรกที่ผมจะทำคือตบหน้าเอเยนต์บางคน เพราะพวกเขาคือปัญหาที่แท้จริงจากการที่พวกเขาถือสิทธิ์ควบคุมนักเตะในความดูแลอย่างมาก ตื่นกันได้แล้วพวก (หมายถึงเหล่านักเตะ) นี่คือชีวิตของพวกนาย มันคือชะตากรรมของพวกนาย เอเยนต์ของพวกนายน่ะถึงแม้บางคนจะนิสัยดีแต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามองว่านายเป็นเพียงธนบัตร พวกเขามองว่านายเป็นแค่แหล่งทำเงินเท่านั้น พวกเขาไม่สนหรอกว่านายจะเจ็บหรือเล่นได้ดี ดังนั้นตื่นกันได้แล้วพวก นี่คือข้อความที่สำคัญถึงคนรุ่นใหม่ ถ้าเกิดเอเยนต์ของนายเคารพการตัดสินใจของนายแล้วล่ะก็ นายก็ควรจะใช้บริการเอเยนต์เหล่านั้นไปตลอดชีวิต แต่ถ้าพวกเขาอยากให้นายไปอยู่กับทีมใดทีมหนึ่งเพื่อที่จะได้เงินเยอะกว่าเดิมแล้วล่ะก็ พวกนายก็ไม่ควรอยู่กับเอเยนต์แบบนั้นต่อไป ชื่อฉันเถอะ: "วันนี้ผมพูดเยอะมาก แต่เราจำเป็นต้องมีความสามัคคีกัน ที่ผมพูดเรื่องแย่ๆ บางอย่างเกี่ยวกับสโมสรมันก็เพราะเราทำร้ายผู้คนมาหลายปีแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขายินดีที่ได้เห็น แมนฯ ยูไนเต็ด ล่มสลาย ผมกำลังพูดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ เฟอร์กูสัน กับ เดวิด กิลล์ บอกลาทีมไป อย่างเช่นเราเอากุนซือที่มีประวัติดีๆ เข้ามาคุมทีม (แต่สุดท้ายกลับมีผลงานที่ย่ำแย่)" "ฟังนะ โอเล่ คือคนที่ใช่ เขาคือคนที่เหมาะสมในตอนนี้ เพราะเขาเอาปรัชญาของทีมกลับมา ได้โปรดอย่ายุ่งกับ โอเล่ ปล่อยให้เขาทำงานของเขาไป แต่มาพูดถึงคนอื่นๆ ที่อาจจะไม่ควรอยู่กับสโมสรแห่งนี้ดีกว่า ผมจะพูดถึงชื่อที่เซนซิทีฟหน่อยก็แล้วกัน อย่างเช่น อัฟราม เกลเซอร์ กับ โจเอล เกลเซอร์ ผมบอกเลยว่าผมได้เจอกับ อัฟราม หลายครั้ง ผมรู้ดีว่าแฟนบอล ยูไนเต็ด หลายคนเกลียดตระกูลเกลเซอร์ แต่ที่จริง อัฟราม รัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และห่วงใยสโมสรมากๆ" "ผมจำได้ว่าเคยเจอกับเขาในเกมกับ เปแอสเช วันนั้นผมเล่าเสียงตอบรับบางเรื่องให้เขาฟัง ซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันมีฟีดแบ็กแบบนั้นเกิดขึ้น มันอาจจะเป็นเพราะคนที่เขาเชื่อใจและคนที่ดูแลสโมสรไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเขาก็ได้ ดังนั้นก่อนที่เราจะมาไล่ด้วยการตะโกนว่า -เกลเซอร์ ออกไป- น่ะ ผมขอให้ทุกคนใจเย็นๆ กันก่อนนะ" "การจะทำงานให้กับสโมสรแห่งนี้คุณจำเป็นต้องเสียสละชีวิตของตัวเอง และมันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่นั่นเป็นทางเดียวที่คุณต้องทำหากอยากจะประสบความสำเร็จ บางคนอาจจะไม่เข้าใจถึงเรื่องนั้น ซึ่งผมก็เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นแบบนั้น แต่มันต้องยอมรับกันว่าขนาดบางคนที่อยู่กับสโมสรในตอนนี้ก็ไม่ได้นับถือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรอก เพราะบางคนยังโกรธที่เขาดัน เดวิด มอยส์ มาเป็นผู้จัดการทีม แต่คำถามก็คือ เดวิด มอยส์ ฟังคำแนะนำของเขารึเปล่า ? ผมเองก็ไม่มั่นใจในเรื่องนั้น" "ดังนั้นอย่าทำลายความยิ่งใหญ่ของเรา เราทำงานอย่างหนัก เราทุกคนทำงานกันอย่างหนักเพื่อมัน คุณต้องเอาประวัติศาสตร์กลับมาสู่สโมสรให้ได้ คุณรู้ไหมว่ามีครั้งหนึ่งนักเตะอย่าง รอย คีน เคยกลับไปที่ แคร์ริง และพอเขาเดินลงไปในสนามที่มีเด็กๆ อยู่ด้วยน่ะ เด็กๆ เหล่านั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่า รอย คีน คือใคร ดังนั้นผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรู้จัก บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ได้ยังไง นั่นคือความจริง" "ตอนที่ผมสอบการเป็นโค้ชที่นั่นน่ะหลายคนคิดว่าผมจะพูดเกี่ยวกับเรื่องฟุตบอล แต่ผมบอกกับเด็กๆ ว่าตอนแรกที่ผมมาอยู่กับสโมรน่ะผมรู้สึกเหมือนกับได้อยู่ในช่วงคริสต์มาส เพราะตอนนั้นผมรู้สึกดีมากๆ ดังนั้นผมเลยบอกกับเด็กๆ ไปว่าคุณต้องเคารพทุกคนให้เหมือนตอนที่พวกเขาเคารพเพื่อนร่วมทีม, ผู้จัดการทีม, กับเกียรติของสโมสร ใช่ คุณต้องให้ความเคารพคนที่ทำความสะอาดตึกนี้, เชฟที่ทำอาหารให้ ในระดับเดียวกัน" "เวลามาที่นี่น่ะคุณต้องทำให้ดีที่สุด และทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีๆ อย่างเช่นการยิ้มอยู่บ่อยๆ ผมไม่อยากให้เด็กๆ มีท่าทีหดหู่ เพราะการได้มาอยู่กับทีมนี้ถือเป็นเกียรติอย่างมาก นั่นคือข้อความที่เราต้องพูดกับเด็กๆ เหล่านี้ มันคือคุณค่าของสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ตอนนี้เรากลายเป็นสโมสรที่หลายคนหัวเราะเยาะใส่" "เราปล่อยให้คนพูดแบบนั้นกับเรา หลายคนอาจจะบอกว่า -ปาทริซ พอนายพูดแบบนี้มันก็จะทำให้หลายคนด่าเราน่ะสิ- อ้าว แล้วคุณจะให้ผมพูดอะไรกันล่ะ ? ผมไม่สามารถโกหกคนอื่นได้ ผมไม่ชอบโกหก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแฟนๆ ทุกคน พวกเขาเป็นแฟนบอลที่ดีที่สุดในโลก ใช่ แฟนบอลของเราเป็นแฟนบอลที่ดีที่สุดในโลก สมัยก่อนแม้กระทั่งเวลาที่บางคนเล่นได้ห่วยแตกพวกเขาก็ยังไม่เคยโห่ใส่เราเลย แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถโห่ได้เป็นธรรมดา เพราะมันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะพวกเขาไม่ได้รับสิ่งที่ดีพอ" "ผมจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เราแพ้ ลิเวอร์พูล 4-1 คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่สิ่งเดียวที่ผมได้ยินก็คือแฟนบอลที่ตะโกนว่า -ยูไนเต็ด ยูไนเต็ด ยูไนเต็ด- มันทำให้ผมรู้สึกอับอายมากๆ พอเราเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วน่ะ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็พูดขึ้นมาว่า -เห็นไหม พวกแกได้ยินเสียงตะโกนนั่นไหม ตอนนี้พวกเราก็ต้องคว้าแชมป์ลีกมาให้พวกเขาให้ได้- ผมจำได้ว่าตอนนั้น ลิเวอร์พูล นำหน้าเราตั้ง 8 คะแนน แต่เราก็ยังได้แชมป์ลีกมาครอง"


"ดังนั้นมันก็ต้องไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะทั้งนักเตะเยาวชนหรือคนที่มีอายุเยอะแล้ว เมื่อคุณได้สวมเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเสื้อที่หนักอึ้ง แล้วน่ะ คุณก็ไม่ควรจะทิ้งมันไปดื้อๆ แต่ผมก็โทษพวกเขาได้ไม่เต็มที่หรอก เพราะตอนนี้พวกเขาไม่มีแบบอย่างที่ดี แต่อย่างน้อยก็ดูดีวีดีหรืออ่านหนังสือ (เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของทีม) สักหน่อยก็ได้" "ที่จริงผมมีเรื่องที่อยากพูดอีกหลายเรื่อง แต่มันทำได้ยากมากๆ เอาล่ะ ขอให้มีความสุขกับวันจันทร์ และ ยูไนเต็ด ตลอดไป ผมไม่รู้ว่าจะพูดว่าผมรักเกมนี้ได้อย่างเต็มปากรึเปล่า แต่ผมก็จะทำ ผมรักเกมนี้ ฮ่าๆๆ"

 
 
 

Comentarios


Post: Blog2_Post

Subscribe Form

Thanks for submitting!

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn

©2019 by UFABET369. Proudly created with Wix.com

bottom of page