ดาร์บี้แมตช์ข้ามกำแพงเบอร์ลิน
- mynxwinter22
- Jun 5, 2020
- 1 min read
Updated: Jun 11, 2020
เที่ยงคืนครึ่งวันนี้ตามเวลาบ้านเรา จะมีดาร์บี้แมตช์แห่งเบอร์ลินในบุนเดสลีกาครั้งแรกในรอบ 42 ปี..
อูนิโอน เบอร์ลิน พบ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ครั้งสุดท้ายที่กรุงเบอร์ลินมีดาร์บี้แมตช์ในลีกสูงสุดของประเทศ โลกยังอยู่ในยุคอึมครึมของสงครามเย็นอยู่เลย เพราะต้องย้อนกลับไปถึงเดือนเมษายน ปี 1977 ในคราวนั้น เทเบ เบอร์ลิน (เทนนิส โบรุสเซีย เบอร์ลิน ในปัจจุบัน) ทุบ แฮร์ธ่า เบาะๆ 2-0
กระนั้นดาร์บี้แมตช์ในครั้งนั้นกับดาร์บี้แมตช์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนี้ก็ยังแตกต่าง เพราะทั้ง เทเบ และ แฮร์ธ่า ต่างก็เป็นสโมสรในเบอร์ลินตะวันตกทั้งคู่ อยู่ห่างกันเพียงแค่ 3 กิโลเมตรทางฟากตะวันตกของเมือง ไม่เหมือนครั้งนี้เลย เพราะมันจะเป็นดาร์บี้แมตช์ระหว่าง 2 ทีมตัวแทนจากเบอร์ลิน 2 ฝั่ง อยู่ห่างกันออกไป 30 กิโลเมตรข้ามแนวเดิมของกำแพงเบอร์ลินเข้าสู่ฝั่งตะวันออกของมัน ผมยังจำภาพข่าวในวันนั้นได้ดี.. 9 พฤศจิกายน 1989 ผู้คนมากมายปีนขึ้นไปนั่งบนกำแพง มีคนไต่ลงจากกำแพง มีคนรอรับอยู่ด้านล่าง บรรยากาศค่อนข้างโกลาหลแต่ไม่มีความรุนแรงใดๆ กำแพงเบอร์ลินที่ขวางกั้นพ่อแม่ออกจากลูก พี่ออกจากน้อง คนรักออกจากกันมาเกือบสามสิบปีพังลงแล้ว ไม่ได้ถูกทุบพังครืนให้เห็นตรงหน้าหรอกครับเพราะมันยาวตั้ง 155 กิโลเมตรตีล้อมรอบเบอร์ลินตะวันตกที่เป็นไข่แดงอยู่ในดินแดนของเยอรมันตะวันออก fontanossubs.com แถมยังเป็นกำแพงสูงตระหง่านเกือบ 4 เมตร 2 แนววางตัวขนานกันไปตลอดทางให้เกิดพื้นที่ตรงกลางซึ่งบางช่วงกว้างถึง 150 เมตร มีเวลาเหลือเฟือให้เจ้าหน้าที่บนหอควบคุม 302 หอ พร้อมปืนในมือได้ "ส่อง" ใครก็ตามที่กล้าเล็ดลอดข้ามไปโลกเสรี
สัปดาห์หน้าจะครบรอบ 30 ปีเต็มแห่งการพังทลายของกำแพงเบอร์ลิน
หากในทางสัญลักษณ์มันได้ทลายลงเรียบร้อยแล้ว ทลายลงพร้อมกับการล่มสลายของสงครามเย็นและการถือกำเนิดของการรวมเยอรมันเป็นชาติเดียวอีกครั้ง ครอบครัวเดียวกันได้กลับมารวมกันอีกครา คนชาติเดียวกันได้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวอีกหน เผ่าพันธุ์เดียวกัน วัฒนธรรมเดียวกัน ภาษาเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน
เผลอแค่แผล็บเดียว เวลาผ่านมา 30 ปีแล้วนะครับ สงครามเย็น กำแพงเบอร์ลิน และเยอรมันตะวันตกกับตะวันออกที่เคยได้เห็นได้รู้จักจากข่าวต่างประเทศและหน้าหนังสือพิมพ์เป็นประจำเมื่อตอนเด็กกลายเป็นอดีตไปแล้ว นักฟุตบอลส่วนใหญ่ที่เล่นในบุนเดสลีกาเวลานี้ก็ลืมตาดูโลกหลังจากการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน หากในแง่ประวัติศาสตร์มันไม่มีทางถูกลืม ทุกวันนี้เบอร์ลินมีร่องรอยเหล่านั้นเต็มไปหมด ถ้าคุณเดินเล่นในเบอร์ลินคุณไม่มีทางหนีกลิ่นอายของมันพ้น มีพิพิธภัณฑ์มากมายทั้งในร่มและกลางแจ้งให้ได้ศึกษา มีอนุสรณ์รำลึก มีนิทรรศการ มีศูนย์ข้อมูล มีร้านขายของที่ระลึก ทั้งยังมีแนวกำแพงจริงๆ จับต้องได้กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของเมือง เขาไม่ลืมหรือลบความหลัง แต่อยู่กับมันและเปิดกว้างให้เด็กรุ่นหลังได้เรียนรู้ว่ากว่าจะมีวันนี้พวกเราผ่านอะไรมาบ้าง ด้านดี ด้านแย่ ด้านสว่าง ด้านมืด เพราะนั่นคือชีวิตของเรา สัมผัสของมันยังอบอวลอยู่ในความสงบร่มรื่นของเบอร์ลินวันนี้ อูนิโอน กับ แฮร์ธ่า ไม่เคยเจอกันในบุนเดสลีกาเพราะนี่เพิ่งจะเป็นฤดูกาลแรกที่อูนิโอนได้เล่นในลีกสูงสุด แต่ทั้งสองทีมเคยเปิดศึกเบอร์ลินดาร์บี้กันหลายครั้งในลีกาสอง หนล่าสุดคือฤดูกาล 2012/13 ที่แฮร์ธ่าได้เลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกานั่นแหละ คราวนั้นเตะกันที่ฟอร์สเทรายด้วยซึ่งผลจบลงด้วยชัยชนะของแฮร์ธ่า 2-1 ในเชิงลูกหนัง เบอร์ลินไม่ได้เป็นมหาอำนาจเหมือนที่เป็นเมืองศูนย์กลางการปกครอง ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ เมืองท่องเที่ยว เมืองเศรษฐกิจ และอีกหลายๆ ด้านของแผ่นดินด๊อยท์ชลันด์ ไม่ได้แย่งความสำเร็จกับ บาเยิร์น ดอร์ทมุนด์ กลัดบัค เบรเมน แฟร้งค์เฟิร์ต เลเวอร์คูเซ่น หรือใครต่อใคร เยอรมันรวมเป็นหนึ่งแล้ว เบอร์ลินไม่มีกำแพงกั้นอีกแล้ว แต่บางร่องรอยอาจยังฉาบแน่น คำที่แฟนบอลอูนิโอนมักจะตะโกนประกาศศักดาในถิ่นฟอร์สเทรายของตัวเองจากอดีตจนถึงปัจจุบันคือ "Eisern Union" แฟนบอลอูนิโอน เบอร์ลินวันนี้คงไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรเชื่อมโยงกับ Iron Curtain - ดินแดนหลังม่านเหล็ก พี่ใหญ่สหภาพโซเวียต หรือเยอรมัน 2 ชาติแห่งยุคสงครามเย็นอีกแล้วล่ะครับ หากยังมีบางสิ่งที่ตกตะกอนค้างอยู่ในจิตวิญญาณ
เป็นสโมสรอดีตเดเดแอร์ (DDR - ลีกเยอรมันตะวันออกเดิม) ทีมที่ 5 ต่อจาก ดินาโม เดรสเดน ฮันซ่า รอสต๊อค เฟาเอฟเบ ไลป์ซิก และ เอเนอร์กี้ ค็อตบุส ที่ได้เล่นในบุนเดสลีกา เป็นอดีต DDR ทีมแรกในรอบ 10 ปีในลีกสูงสุดนับตั้งแต่ค็อตบุสตกชั้นไปเมื่อปี 2009




Comments