เรื่องแปลกคาใจ เหมือนกรรม ทำไว้กับทีมชาติ มีอันเป็นไปทุกที

เป็นกองกลางที่ฝีเท้าดีตั้งแต่วัยยังละอ่อน

“เจ้าเบียร์”ปิยะชาติ ศรีมะเรือง ที่แขวนสตั๊ดไปในวัยเพียงแค่ 28 ปี ออกมาเปิดใจถึงสิ่งที่ยังเป็นปริศนาคาใจของตัวเองกับการติดธงบนหน้าอก ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังคิดไม่ออกว่ามันเป็นเรื่องของความบังเอิญหรือเป็นเรื่องของกรรม

“เจ้าเบียร์”เล่าว่าสมัยที่ตัวเองเพิ่งเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ที่ราชวินิตบางแก้ว มีโอกาสไปคัดทีมนักเรียนไทย 15 ปีเป็นครั้งแรก ซึ่งก็ติดเป็น 1 ใน 23 คนที่ได้เก็บตัวเตรียมไปแข่งที่อินโดนีเซีย ณ ตอนนั้น “เจ้าเบียร์”เป็นหนึ่งในนักเตะกำลังสำคัญของทีมที่จะนำทีมนักเรียนไทยไปอวดฝีเท้า “ตอนนั้นผมไม่รู้คิดอะไร ไปบอกกับโค้ชว่าเล่นไม่ไหว เจ็บ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เจ็บ แต่ไม่อยากเล่น อาจเป็นเพราะผมไม่รู้จักใครในทีมเลย เหมือนความรู้สึกมันไม่อยากเล่น เลยไปโกหกโค้ช จิรวัฒน์ วงษ์ชารี ที่คุมทีม เหมือนแกจะรู้ก็พูดกับผมคำเดียวว่า “ถ้าอยากจะเล่น ก็ให้กลับมา” แต่ผมก็ไม่ได้กลับไปเล่นอีกเลย”

“เจ้าเบียร์”ปิยะชาติ ศรีมะเรือง

หลังจากปฏิเสธการเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเตะรายการนักเรียนไทย 15 ปี จากนั้นเจ้าตัวก็มีโอกาสติดทีมยู 19 ปีทีมชาติไทยรุ่นเดียวกับ ธีราทร, กวินทร์ โดยมีชื่อติดใน 25 คน แต่เมื่อต้องหั่นชื่อเหลือ 18 คนก็หลุดจากทีมไป

เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อทีมยู 19 กลับจากเวียดนามก็มีการเตรียมทีมต่อเล่นในเมืองไทย เจ้าตัวถูกเรียกกลับมาเก็บตัวซ้อมยาวขึ้น และมีโอกาสลุ้นติด โดยเล่นให้กับสโมสรโอสถสภาควบคู่ไปด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนตัดตัว ต้องผ่าเข่าไม่ได้เล่นให้ทีมชาติอีก “มาถึงซีเกมส์ที่อินโดนีเซีย ผมเป็นหนึ่งใน 30 คนที่ถูกเรียกมาเก็บตัว โอกาสจะติดทีมซีเกมส์ตอนนั้นมีสูงมาก และตัวเองก็ลงเล่นให้ราชนาวีเจอกับเทโรฯ ตอนนั้นโค้ชนพดล วิจารณ์ณรงค์ badhaven.com จะเปลี่ยนผมออกเพื่อไม่ให้เสี่ยงกับบาดเจ็บในนาทีที่ 80 กว่า แต่ผมอยากเล่นต่อก็ขอแกเล่น แกก็ให้เล่น ปรากฏว่าไปปั้มบอลกับนักเตะต่างชาติ โดนยันมาที่ข้อเท้าเจ็บ ฝืนไปเก็บตัวกับทีมซีเกมส์สักพักก็ไม่ไหว

สุดท้ายก็ต้องถอนชุดซีเกมส์ ไปผ่าข้อเท้าอีก จากนั้นก็ไม่มีโอกาสติดทีมชาติอีกเลย ผมมาคิด ๆ ดูหรือมันเป็นกรรมที่เราไปถอนทีมชาติครั้งแรกโดยโกหกว่าเจ็บ หลังจากนั้นไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ได้ติดทีมชาติและเจ็บจริงทุกครั้ง มันก็เป็นเรื่องที่ยังคาใจมาถึงทุกวันนี้”