top of page
Search

"เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ" จากนายด่านผู้อาภัพสู่แข้งคนสำคัญอาร์เซน่อล

  • mynxwinter22
  • Aug 9, 2020
  • 1 min read

การได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นสิ่งที่นักฟุตบอลทุกคนต้องการ


แต่ไม่ใช่สำหรับนักเตะในตำแหน่งผู้รักษาประตูตัวสำรองที่ส่วนใหญ่ต้องนั่งเฝ้ารอโอกาสจากข้างสนาม ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจได้รับโอกาสลงเล่นในบอลถ้วยบ้างประปราย อย่างไรก็ตามสิ่งนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกับชายที่ชื่อว่า "เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ" ผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนไตน์ของ อาร์เซน่อล ที่เฝ้ารอโอกาสบนม้านั่งสำรองนานนับทศวรรษ ก่อนจะเป็นส่วนสำคัญช่วย อาร์เซน่อล เถลิงแชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้ไดสำเร็จ

เด็กหนุ่มจากเมืองมาร์ เดล พลาตา ประเทศอาร์เจนติน่า ต้องจำใจทิ้งครอบครัวจากบ้านเกิดเพื่อบินข้ามน้ำข้ามทะเลมายังเกาะอังกฤษในวัยเพียง 17 ปี เท่านั้น โดยเหตุผลสำคัญคือเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวที่มีปัญหาการเงินอย่างหนัก หลังถูก อาร์เซน่อล ทาบทามดึงตัวจาก อินดิเพนเดนเต้ สโมสรในลีกบ้านเกิด เมื่อปี 2010 "ซูซาน่า แม่ของผมและ อเลฮานโดร พี่ชายพากันร้องไห้เมื่อผมตัดสินใจจะมาค้าแข้งที่ลอนดอน และได้แต่ขอร้องผมว่าอย่าไป แต่ในขณะเดียวกันมันเป็นสิ่งที่ผมต้องตัดสินใจเพราะผมเห็น อัลแบร์โต้ พ่อของผมร้องไห้กลางดึกอยู่บ่อยๆจากการไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายเรื่องต่างๆภายในบ้าน" "ในเวลานั้นผมต้องพักอยู่ในบัวโนสไอเรสในช่วงที่เล่นให้สโมสร อินดิเพนเดนเต้ และได้เจอหน้าครอบครัวแค่สองครั้งต่อเดือน เพราะไม่สามารถจ่ายค่เดินทางให้ครอบครัวจากบ้านใน มาร์ เดล พลาต้า ซึ่งอยู่ห่างราว 400 กิโลเมตร ได้ และนี่คือเหตุผลสำคัญเมื่อ อาร์เซน่อล มอบโอกาสให้ผมจึงต้องรีบคว้ามันไว้" มาร์ติเนซ ย้อนความหลังในวันที่ตัดสินใจย้ายมาเล่นให้ อาร์เซน่อล เส้นทางกับ "ปืนใหญ่" ของมือกาวชาวอาร์เจนไตน์เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายกว่าจะถึงวันนี้ นับตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อปี 2012 เจ้าตัวแทบไม่มีบทบาทกับทีมเลย gatwick-taxi.com จนถูกปล่อยให้สโมสรอื่นยืมใช้งานเป็นว่าเล่นไล่ตั้งแต่ อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด, เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, ร็อตเตอร์แฮม ยูไนเต็ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, เคตาเฟ่ และ เร้ดดิ้ง สถานะในทีมส่วนใหญ่ของ มาร์ติเนซ เป็นตั้งแต่มือ 2, มือ 3 จนหลุดไปถึงมือ 4 ก็มี โดยเคยอยู่ภายใต้ร่มเงาทั้ง มานูเอล อามูเนีย, วีโต้ มานโนเน่, ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้, วอยเชียค เชสนี่, ดาวิด ออสปิน่า, ปีเตอร์ เช็ค และ แบรนด์ เลโน่

gatwick-taxi.com

กว่าที่ มาร์ติเนซ จะได้ลงประเดิมสนามในเกมใหญ่นั้นต้องรอถึงฤดูกาล 2014-15


เริ่มตั้งแต่ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เขาได้ลงเฝ้าเสาในเกมที่ อาร์เซน่อล บุกไปเอาชนะ อันเดอร์เลชท์ 2-1 ซึ่งเกมนี้คุณพ่อของเขาได้เดินทางมาดูถึงขอบสนาม หลังจากนั้นหนึ่งเดือน เขาก็ได้รับโอกาสลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกโดยถูกส่งลงเล่นแทน เชสนี่ ที่มีอาการบาดเจ็บในเกมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งทำให้เขาได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องช่วยทีมเก็บคลีนชีตสามเกมรวด (ชนะ ดอร์ทมุนด์ 2-0 ชปล., ชนะ เวสต์ บรอมฯ 1-0, ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-0) อย่างไรก็ตามมันก็ไม่เพียงพอให้เขายึดมือ 1 ระยะยาวได้ต้องหลีกทางให้กับ เชสนี่ ที่สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาอีกครั้ง


ย้อนไปช่วงที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนักทั่วโลกจนทำให้พรีเมียร์ลีกต้องหยุดการแข่งขัน พร้อมทำให้บรรดานักเตะต้องถูกกักตัวอยู่ที่บ้าน แต่ มาร์ติเนซ กลับยังฝึกซ้อมหนักที่บ้านตัวเอง ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะได้รับโอกาสลงเล่นในช่วงที่เหลือหรือไม่ โดย มาร์ติเนซ ได้เปิดเผยบทสนทนาระหว่างเขากับภรรยาไว้ว่า "ผมฝึกซ้อมอย่างหนักระหว่างช่วงล็อคดาวน์จนภรรยาถามว่า 'เธอเป็นผู้รักษาประตูสำรองทำไมถึงต้องฝึกซ้อมหนักขนาดนี้?' ก่อนที่ผมจะตอบไปว่า 'ผมต้องทำให้ตัวเองพร้อมอยู่เสมอ และเชื่อว่าเมื่อมีโอกาสผมจะทำมันได้ดีที่สุด' และเมื่อฟุตบอลกลับมาลงแข่งขันได้อีกครั้งโชคชะตาก็เข้าข้างเขาเสียที หลังจาก แบรนด์ เลโน่ นายทวารมือหนึ่งได้รับบาดเจ็บหนักจากเกมพบ ไบรท์ตัน ซึ่งนับตั้งแต่เกมนั้นเป็นต้นมา มาร์ตินเซ ก็โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นสุดๆ พร้อมกลายเป็นนายประตูที่มีเปอร์เซ็นต์เซฟลูกยิงตรงกรอบได้เกิน 80% นับตั้งแต่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกในเกมเจอ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเป็นสถิติมากสุดกว่าผู้รักษาประตูรายอื่นๆ จนกลายเป็นฤดูกาลที่เขาได้โอกาสลงเล่นมากที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นให้ อาร์เซน่อล จากสถิติลงเล่น 23 เกมทุกรายการ ซึ่งปัจจัยสำคัญก็เป็นเพราะการที่เขาฟิตซ้อมและรักษาสภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อพร้อมสำหรับโอกาสที่ไม่รู้จะเข้ามาตอนไหน ส่วนผลงานในถ้วยเอฟเอ คัพ มาร์ติเนซ ได้ลงเล่นตั้งแต่รอบ 3 ในเกมที่เอาชนะ ลีดส์ 1-0 เป็นต้นมา และช่วยทีมกรุยทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะคว้าแชมป์ได้สำเร็จ “ผมเชื่อว่าวันนี้พวกเราได้ทำให้แฟนๆอาร์เซน่อลภาคภูมิใจแล้ว แน่นอนผมทำงานอย่างหนักกับสโมสรมาตลอด 10 ปีเพื่อโอกาสนี้ ผมโทรคุยกับครอบครัวมาตลอดทั้งสัปดาห์ และผมกล้าพูดได้เลยว่าทุกคนในครอบครัวที่อาร์เจนติน่ากำลังร้องไห้อยู่แน่นอน"

แน่นอนว่าหลังจบเกมดังกล่าวสปอร์ตไลท์ต่างฉายแสงไปที่ มาร์ติเนซ โดย แดน วอล์คเกอร์ นักข่าวจากบีบีซี สื่อจากอังกฤษได้ถามถึงความรู้สึกและครอบครัว ซึ่งทำให้เขาต้องหลั่งน้ำตาออกมาและพูดเพียงสั้นๆว่า "เรื่องครอบครัวของผม ผมไม่สามารถพูดได้จริงๆ ขอโทษด้วยครับ" ก่อนจะเดินปลีกตัวออกไปพร้อมน้ำตา และภาพอันแสนอบอุ่นที่เขานั่งเงียบๆคนเดียวที่ข้างสนามกำลังวีดีโอคอลคุยกับครอบครัว และร่ำไห้ออกมาด้วยความปลื้มปิติ วันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ครอบครัวและแฟนบอลเห็นแล้วว่า 10 ปีที่เขาอดทนรอคอยมันไม่ได้สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย..

 
 
 

Comments


Post: Blog2_Post

Subscribe Form

Thanks for submitting!

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn

©2019 by UFABET369. Proudly created with Wix.com

bottom of page