ไม่หยุดหากนกหวีดยังไม่ดัง! 3 ทีมก่อนหน้า เปแอสเช ที่แซงชนะใน ชปล. ทั้งที่ตามหลังก่อนถึงนาทีที่ 90
- mynxwinter22
- Aug 21, 2020
- 1 min read
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรดังของศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2019-20 ได้แบบต้องลุ้นเหนื่อยพอตัว
เพราะตอนแรก อตาลันต้า ออกนำไปก่อนในนาทีที่ 26 จาก มาริโอ ปาซาลิช และหลังจากนั้น "เปแอสเช" ก็ทำประตูไม่ได้อยู่นานจนทำท่าว่าจะหมดหวังแล้ว อย่างไรก็ตาม ทีมจากฝรั่งเศสก็ได้เฮลั่นเมื่อ มาร์กินญอส ตีเสมอให้พวกเขาได้ในนาทีที่ 90 และอีก 3 นาทีต่อมา เอริค มักซิม ชูโป-โมติง ที่ลงมาเป็นตัวสำรองก็กลายเป็นฮีโร่ของ "เปแอสเช" แบบที่หลายคนคาดไม่ถึง
ทั้งนี้ นี่นับเป็นเพียงครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทีมซึ่งเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ก่อนถึงนาทีที่ 90 สามารถพลิกกลับมาชนะได้ หากไม่นับรวมเกมที่เตะกันถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ และไม่นับสมัยที่ใช้ชื่อ ยูโรเปี้ยน คัพ ลองไปดูกันดีกว่าว่าอีก 3 ครั้งนั้นเกิดขึ้นในเกมไหนบ้าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ : ฤดูกาล 2012-13 ชนะ มาลาก้า 3-2 รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง วันที่ 9 เมษายน 2013 ในนัดแรก ดอร์ทมุนด์ บุกไปเสมอกับ มาลาก้า ที่บ้านของอีกฝ่าย 0-0 ทำให้การลงเล่นนัดสองที่ ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ถือว่ายังต้องลุ้นเหนื่อยพอตัวสำหรับ "เสือเหลือง" เพราะแม้ว่าจะไม่แพ้กลับมา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ประตูทีมเยือนซึ่งถือว่าเป็นของที่ล้ำค่าสำหรับการลงเล่นแบบเหย้า-เยือนเหมือนกัน ทั้งนี้ ในนัดสอง ดอร์ทมุนด์ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในนาทีที่ 25 หลังจากที่ ฆัวกิน ซานเชซ ทำประตูให้ทีมเยือนได้ แม้ว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จะตีเสมอให้พวกเขาในนาทีที่ 40 แต่ เอลิเซา ก็มาทำประตูที่ 2 ให้กับ มาลาก้า ในนาทีที่ 82 ทำให้ตอนนั้นทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เสี่ยงตกรอบสูงสุดๆ เพราะจำเป็นต้องทำถึง 2 ประตูในช่วงเวลาแค่ 8 นาที อย่างไรก็ตาม ประกายความหวังของ ดอร์ทมุนด์ ก็จุดติดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 1 จากผลงานของ มาร์โก รอยส์ และอีก 2 นาทีต่อมา เฟลิเป้ ซานตาน่า ก็ทำประตูสำคัญให้กับ ดอร์ทมุนด์ ได้ ทำให้ทีมดังของเยอรมันแซงชนะไป 3-2 และเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-2 แถมพวกเขายังไปถึงนัดชิงชนะเลิศได้ด้วย แต่สุดท้ายก็ไปแพ้ บาเยิร์น มิวนิค 1-2
ไม่หมดเวลา ก็ยังไม่แพ้
บาเยิร์น มิวนิค : ฤดูกาล 2004-05 ชนะ เชลซี 3-2 รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง วันที่ 12 เมษายน 2005 ในนัดแรกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี ทำได้ดีกว่าจนชนะไป 4-2 ทำให้ บาเยิร์น เจองานหนักพอตัวกับการเล่นนัดสอง และพอเกมนัดสองที่ โอลิมเปียสตาดิโอน ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เชลซี ก็มาได้ประตูขึ้นนำจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด อีก
แม้ว่า เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ จะทำประตูให้เจ้าถิ่นได้ในนาทีที่ 65 แต่ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ก็ทำลูกที่ 2 ให้ทีมเยือนในนาทีที่ 80 ทำให้ตอนนั้น บาเยิร์น จำเป็นต้องทำเพิ่ม 3 ลูกเพื่อที่จะได้ไปวัดกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ หรือถ้าจะชนะไปเลยก็ต้องยิงถึง 4 ประตู โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามเสียประตูเพิ่มด้วย ทั้งนี้ เปาโล เกร์เรโร่ เรียกเสียงเฮให้เจ้าถิ่นได้หลังจากทำประตูได้ในนาทีที่ 90 ก่อนที่ เมห์เม็ต โชลล์ จะทำเพิ่ม 1 ลูกให้กับ บาเยิร์น ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 5 ทำให้ บาเยิร์น แซงชนะในนัดสองไปได้ 3-2 แต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้พวกเขาเข้ารอบรองชนะเลิศ หลังจากสกอร์รวม 2 นัด fatakasaki.com บาเยิร์น แพ้ไป 5-6 แมนฯ ยูไนเต็ด : ฤดูกาล 1998-99 ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-1 รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 26 พฤษภาคม 1999 หนึ่งในนัดชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด และชวนช็อกมากที่สุด บาเยิร์น ออกนำตั้งแต่ไก่โห่จาก มาริโอ บาสเลอร์ ในนาทีที่ 6 หลังจากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พยายามบุกเต็มที่ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่สามารถเจาะตาข่ายของ บาเยิร์น ได้สักที จนเหมือนว่าจะหมดหวังแล้ว.
ถึงกระนั้น พอถึงนาทีแรกของช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งหลัง เท็ดดี้ เชอริงแฮม ก็ตีเสมอให้กับ "ปีศาจแดง" ได้ และในขณะที่หลายคนคิดว่าต้องไปดวลกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็มาทำประตูชัยให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และส่งผลให้ทีมของกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกจากเกาะอังกฤษที่ทำทริปเปิ้ลแชมป์ หรือการได้แชมป์รายการใหญ่ทั้ง 3 รายการภายในซีซั่นเดียวกันได้สำเร็จ
Comments